การสืบพันธุ์ (Reproduction)
เป็นกระบวนการผลิตสิ่งมีชีวิตที่จะแพร่ลูกหลานและดำรงเผ่าพันธุ์ของตนไว้
โดยต่อมใต้สมองซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของสมองส่วน ไฮโพทาลามัส
โดยจะหลั่งฮอร์โมนกระตุ้นต่อมเพศชายและหญิงให้ผลิตฮอร์โมนเพศ
ทำให้ร่างกายเปลี่ยนแปลงไปสู่ความเป็นหนุ่มสาวพร้อมที่จะสืบพันธุ์ได้ ต่อมเพศในชาย
คือ อัณฑะ ต่อมเพศในหญิง คือ รังไข่
ระบบสืบพันธุ์เพศชาย
อวัยวะที่สำคัญในระบบสืบพันธุ์เพศชาย ประกอบด้วย
1. 1.
อัณฑะ (Testis)
เป็นต่อมรูปไข่ มี 2 อัน
ทำหน้าที่สร้างตัวอสุจิ (Sperm) ซึ่งเป็นเซลล์สืบพันธุ์เพศชาย
และสร้างฮอร์โมนเพศชายเพื่อควบคุม ลักษณะต่างๆของเพศชาย
เช่น การมีหนวดเครา เสียงห้าว เป็นต้น ภายในอัณฑะจะประกอบด้วย หลอดสร้างตัวอสุจิ (Seminiferous Tubule) มีลักษณะเป็นหลอดเล็กๆ ขดไปขดมาอยู่ภายใน
ทำหน้าที่สร้างตัวอสุจิ หลอดสร้างตัวอสุจิมีข้างละประมาณ 800 หลอด แต่ละหลอดมีขนาดเท่าเส้นด้ายขนาดหยาบ และยาวทั้งหมดประมาณ 800 เมตร
2.ถุงหุ้มอัณฑะ (Scrotum)
ทำหน้าที่ห่อหุ้มลูกอัณฑะ ควบคุมอุณหภูมิให้พอเหมาะในการสร้างตัวอสุจิ
ซึ่งตัวอสุจิจะเจริญได้ดี
ในอุณหภูมิต่ำกว่าอุณหภูมิปกติของร่างกายประมาณ 3-5 องศาเซลเซียส
2. 3. หลอดเก็บตัวอสุจิ (Epididymis
อยู่ด้านบนของอัณฑะ มีลักษณะเป็นท่อเล็กๆ ยาวประมาณ 6 เมตร ขดทบไปมา
ทำหน้าที่เก็บตัวอสุจิจนตัวอสุจิเติบโตและแข็งแรงพร้อมที่จะปฏิสนธิ
4. หลอดนำตัวอสุจิ
(Vas Deferens)
อยู่ต่อจากหลอดเก็บตัวอสุจิ
ทำหน้าที่ลำเลียงตัวอสุจิไปเก็บไว้ที่ต่อมสร้างน้ำเลี้ยงอสุจิ
5. ต่อมสร้างน้ำเลี้ยงอสุจิ
(Seminal Vesicle)
ทำหน้าที่สร้างอาหารเพื่อใช้เลี้ยงตัวอสุจิ เช่น
น้ำตาลฟรักโทส วิตามินซี โปรตีนโกลบูลิน เป็นต้น
และสร้างของเหลวมาผสมกับตัวอสุจิเพื่อให้เกิดสภาพที่เหมาะสมสำหรับตัวอสุจิ
6. ต่อมลูกหมาก (Prostate Gland)
อยู่ตอนต้นของท่อปัสสาวะ
ทำหน้าที่หลั่งสารที่มีฤทธิ์เป็นเบสอ่อนๆ
เข้าไปในท่อปัสสาวะเพื่อทำลายฤทธิ์กรดในท่อปัสสาวะ
ทำให้เกิดสภาพที่เหมาะสมกับตัวอสุจิ
7. ต่อมคาวเปอร์ (Cowper Gland)
อยู่ใต้ต่อมลูกหมากลงไปเป็นกระเปาะเล็กๆ
ทำหน้าที่หลั่งสารไปหล่อลื่นท่อปัสสาวะในขณะที่เกิดการกระตุ้นทางเพศ
โดยทั่วไปเพศชายจะเริ่มสร้างตัวอสุจิเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น
คือ อายุประมาร 12-13 ปี
และจะสร้างไปจนตลอดชีวิต การหลั่งน้ำอสุจิ แต่ละครั้งจะมีของเหลวประมาณ
3-4 ลูกบาศก์เซนติเมตร มีตัวอสุจิเฉลี่ยประมาณ 350-500 ล้านตัว
ปริมาณน้ำอสุจิและตัวอสุจิแตกต่างกันได้ตามความแข็งแรงสมบูรณ์ของร่างกาย เชื้อชาติ
และสภาพแวดล้อม ผู้ที่มีอสุจิต่ำกว่า 30 ล้านตัวต่อลูกบาศก์เซนติเมตรหรือมีตัวอสุจิที่มีรูปร่างผิดปกติมากกว่าร้อยละ
25 จะมีลูกได้ยากหรือเป็นหมัน
ระบบสืบพันธุ์เพศหญิง
อวัยวะที่สำคัญของระบบสืบพันธุ์เพศหญิง ประกอบด้วย
1.ไข่ (Ovary)
มีรูปร่างคล้ายเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ยาวประมาณ 2-36 เซนติเมตร หนา 1 เซนติเมตร
มีน้ำหนักประมาณ 2-3 กรัม และมี 2 อันอยู่บริเวณปีกมดลูกแต่ละข้างทำหน้าที่ ดังนี้
1.1 ผลิตไข่ (Ovum) ซึ่งเป็นเซลล์สืบพันธุ์เพศหญิง
โดยปกติไข่จะสุกเดือนละ 1 ใบ
จากรังไข่แต่ละข้างสลับกันทุกเดือน และออกจากรังไข่ทุกรอบเดือนเรียกว่า การตกไข่
1.2 สร้างฮอร์โมนเพศหญิง
ซึ่งมีอยู่หลายชนิด ที่สำคัญ ได้แก่
• อีสโทรเจน (Estrogen) เป็นฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ควบคุมเกี่ยวกับมดลูก
ช่องคลอด ต่อมน้ำนม และควบคุมการเกิดลักษณะต่างๆ ของเพศหญิง เช่น เสียงแหลมเล็ก
ตะโพกผาย หน้าอกและอวัยวะเพศขยายใหญ่ขึ้น
• โพรเจสเทอโรน (Progesterone)
เป็นฮอร์โมนที่ทำงานร่วมกับอีสโทรเจนในการควบคุมเกี่ยวกับเกี่ยวกับการเจริญของมดลูก
การเปลี่ยนแปลงเยื่อบุมดลูกเพื่อเตรียมรับไข่ที่ผสมแล้ว
2. ท่อนำไข่ (Oviduct) หรือปีกมดลูก (Fallopian Tube)
เป็นทางเชื่อมต่อระหว่างรังไข่ทั้งสองข้างกับมดลูก
ภายในกลวง มีส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 มิลลิเมตร
มีขนาดปกติเท่ากับเข็มถักไหมพรมยาวประมาณ 6-7 เซนติเมตร หนา
1 เซนติเมตร ทำหน้าที่เป็นทางผ่านของไข่ที่ออกจากรังไข่เข้าสู่มดลูก โดยมีปลายข้างหนึ่งเปิดอยู่ใกล้กับรังไข่
เรียกว่า ปากแตร (Funnel) บุด้วยเซลล์ที่มีขนสั้นๆ
ทำหน้าที่พัดโบกไข่ที่ตกมาจากรังไข่ให้เข้าไปในท่อนำไข่
ท่อนำไข่เป็นบริเวณที่อสุจิจะเข้าปฏิสนธิกับไข่
3. มดลูก (Uterus)
มีรูปร่างคล้ายผลชมพู
หรือรูปร่างคล้ายสามเหลี่ยมหัวกลับลง กว้างประมาณ 4 เซนติเมตร ยาวประมาณ 6-8
เซนติเมตร หนาประมาณ 2 เซนติเมตร อยู่ในบริเวณอุ้งกระดูกเชิงกราน
ระหว่างกระเพาะปัสสาวะกับทวารหนัก ภายในเป็นโพรง
ทำหน้าที่เป็นที่ฝังตัวของไข่ที่ได้รับการผสมแล้ว
และเป็นที่เจริญเติบโตของทารกในครรภ์
4. ช่องคลอด (Vagina)
อยู่ต่อจากมดลูกลงมา
ทำหน้าที่เป็นทางผ่านของตัวอสุจิเข้าสู่มดลูก เป็นทางออกของทารก
เมื่อครบกำหนดคลอด
และยังเป็นช่องให้ประจำเดือนออกมาด้วย
ประจำเดือน (Menstruation)
คือเนื้อเยื่อผนังมดลูกด้านในและหลอดเลือดที่สลายตัวไหลออกมาทางช่องคลอด
ประจำเดือนจะเกิดขึ้นเมื่อเซลล์ไม่ได้รับการผสมกับอสุจิเพศหญิงจะมีประจำเดือนตั้งแต่อายุประมาณ
12 ปีขึ้นไป ซึ่งจะมีรอบของการมีประจำเดือนทุก 21-35 วัน เฉลี่ยประมาณ 28 วัน
จนอายุประมาณ 50 ปี
จึงจะหมดประจำเดือนผู้หญิงจะมีช่วงระยะเวลาการมีประจำเดือนประมาณ 3-6 วัน ซึ่งจะเสียเลือดทางประจำเดือนแต่ละเดือนประมาณ 60-90 ลูกบาศก์เซนติเมตร ดังนั้นผู้หญิงจึงควรรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กและโปรตีน
เพื่อสร้างเลือดชดเชยส่วนที่เสียไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น